“แดงเดือด” ศึกฟุตบอลที่เป็นมากกว่ากีฬา

“แดงเดือด” ศึกฟุตบอลที่เป็นมากกว่ากีฬา

หากให้พูดถึงศึกลูกหนังที่แฟนฟุตบอลอยากรับชมมากที่สุด เชื่อว่าหลาย ๆ คนต้องนึกถึง “ศึกแดงเดือด” แมทช์ฟุตบอลระหว่างยอดทีมทั้งสองแห่งเกาะอังกฤษ “ลิเวอร์พูล” และ “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” มาเป็นลำดับต้น ๆ อย่างแน่นอน เพราะไม่ว่ากี่ครั้ง ที่ทั้งสองทีมนี้โคจรมาเจอกัน บอกเลยงานนี้รับประกันความเดือดอย่างแน่นอน (แม้ตอนนี้จะเดือดอยู่ข้างเดียว) เกริ่นมาซะยิ่งใหญ่ขนาดนี้ วันนี้เราเลยจะขอพาทุกคนไปดูกันดีกว่า ว่าทำไมการแข่งขันฟุตบอลของสองทีมนี้จึงได้ชื่อว่า “ศึกฟุตบอลที่เป็นมากกว่ากีฬา”

 

ก่อนจะไปถึงเรื่องอื่นเราลองมาดูกันก่อน ว่าทำไมไอ้ฟุตบอลนัดนี้มันถึงต้อง “เดือด” ชนิดที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกันเลย แน่นอนว่าอยู่ดี ๆ คงไม่ใช่ทั้งสองทีมจะทะเลาะกัน ของแบบนี้มันต้องมีที่มาที่ไป ที่สำคัญบอกเลยว่าเรื่องราวมันไม่ได้เริ่มก่อนที่สนามฟุตบอล แต่มันเกิดจาก “การเมือง” ของทั้งสองเมืองจนมันลงไปสู่สนามฟุตบอล แถมที่มาก็ไม่ธรรมดา เพราะเรื่องเจ้ากรรมดันไปเกิดขึ้นที่ “ท่าเรือ” 

 

จากการสืบค้นข้อมูล พบว่า ไม่ว่าจะทั้ง เมืองลิเวอร์พูล และ เมืองแมนเชสเตอร์ ต่างก็ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองใหญ่ที่สำคัญของอังกฤษ แต่แรกเริ่มเดิมทีนั้น เมืองลิเวอร์พูลดูจะมีภาษีกว่าเมืองแมนเชสเตอร์ ด้วยทำเลและที่ตั้งจึงทำให้เมืองลิเวอร์พูลกลายเป็นเมืองที่มั่งคั่งในฐานะเมืองท่า ส่วนทางด้านเมืองแมนเชสเตอร์ก็โดดเด่นด้วยอุตสาหกรรม

 

แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป มันก็ต้องมีการพัฒนา เมืองแมนเชสเตอร์จึงมีความคิดริเริ่มอยากที่จะขุดคลองผันตัวเองขอเป็นเมืองท่ากับเขาบ้าง พอประกาศไปแบบนั้นแล้ว แน่นอนว่ามันต้องสะเทือนไปถึงทางเมืองลิเวอร์พูลที่เป็นเมืองท่าเก่าแก่แน่นอน ซึ่งมันทำให้หลังจากนั้นเมืองลิเวอร์พูลจึงถูกลดบทบาทไปเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในแง่ของการเป็นเมืองเศรษฐกิจ ผู้คนต่างก็ขยับขยายย้ายออกจากเมือง กลายเป็นว่าลิเวอร์พูลไม่ได้คึกคักเหมือนแต่ก่อน จนถูกเมืองแมนเชสเตอร์แซงหน้าไปในเวลาต่อมา 

 

พอการเมืองมันเดือดขนาดนั้น ไม่แปลกที่มันจะส่งมาถึงกีฬา เพราะทั้งสองเมืองต่างก็มีสโมสรฟุตบอลเป็นของตัวเอง เมืองแมนเชสเตอร์ก็มี “สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด” ทางเมืองลิเวอร์พูลก็มี “สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล” แล้วถามว่าทั้งสองทีมเจอกันครั้งแรกเมื่อไหร่ ต้องย้อนไปถึงปี 1894 ผลปรากฎว่านัดนั้น ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายที่กำชัยชนะไปก่อน 2-0 แต่นั้นก็เพียงจุดเริ่มต้นเพราะหลังจากนั้นทั้งสองสโมสรต่างขับเคี่ยวกันมาตลอด นับไปนับมาก็ปาเข้าไปเกินร้อยปีแล้ว

 

ปัจจุบันนับตั้งแต่ประเทศอังกฤษมีรีแบรนด์การแข่งขันลีกสูงสุดใหม่จาก “ดิวิชั่น 1” มาเป็น “พรีเมียร์ลีก” ในปี 1992 ต้องยอมรับว่ามันคือปรากฎการที่สร้างความเปลี่ยนแปลงไม่เฉพาะแค่ในประเทศ แต่มันหมายถึงทั้งโลกฟุตบอล ไม่ว่าจะทั้งนักเตะเก่ง ๆ ทั่วโลกและทีมสต๊าฟโค้ชผู้เชี่ยวชาญ ต่างมุ่งหน้าไปที่เวทีพรีเมียร์ลีกแห่งนี้ 

ด้วยความหวังที่จะเข้ามาโกยเงินจากลีกฟุตบอลที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก และใช้เวทีแห่งนี้เป็นบันไดต่อยอดอาชีพไปให้ไกลกว่าเดิม

Share on facebook
Facebook
Share on twitter
Twitter
Share on linkedin
LinkedIn